ในงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานซ่อมบำรุงในโรงงาน หรือในงานเดินท่อ ปั๊ม และเครื่องจักร “นั่งร้าน” หรือ Scaffold คืออุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานในที่สูงได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม นั่งร้านมีหลายประเภทและรองรับน้ำหนักได้แตกต่างกัน หนึ่งในหลักเกณฑ์ที่ใช้เลือกประเภทของนั่งร้านให้เหมาะกับงาน คือ Scaffold Load Class ซึ่งกำหนดไว้ในมาตรฐานยุโรป EN 12811-1
Scaffold Load Class คืออะไร?
Scaffold Load Class หรือ “ประเภทการรับน้ำหนักของนั่งร้าน” เป็นการจัดระดับความสามารถในการรับน้ำหนักของนั่งร้านที่พื้นแต่ละช่วงสามารถรับได้ โดยกำหนดไว้อย่างเป็นระบบใน มาตรฐาน EN 12811-1 ซึ่งเป็นมาตรฐานของยุโรปว่าด้วยข้อกำหนดทั่วไปในการออกแบบและใช้งานนั่งร้านชั่วคราว
EN 12811-1:2003 คืออะไร
มาตรฐาน EN 12811-1 ได้ระบุถึงคุณสมบัติ ความแข็งแรง และข้อกำหนดทางเทคนิคของนั่งร้านชั่วคราวในงานก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของผู้ใช้งานและความมั่นคงของโครงสร้างนั่งร้านภายใต้สภาพแวดล้อมต่างๆ รวมถึงกำหนด “Load Class” ที่เป็นค่าการออกแบบในการพิจารณาความสามารถในการรับน้ำหนักของนั่งร้าน
ประเภทของ Scaffold Load Class ตาม EN 12811-1
ใน EN 12811-1 ได้กำหนด Scaffold Load Class ไว้ทั้งหมด 6 ระดับ ตั้งแต่ Class 1 ถึง Class 6 โดยแต่ละระดับจะแสดงถึง “น้ำหนักที่พื้นนั่งร้านสามารถรับได้ต่อหน่วยพื้นที่” ดังนี้:
Load Class | พื้นที่ที่รับน้ำหนัก | น้ำหนักบรรทุกใช้งาน (kN/m²) | น้ำหนักที่สามารถรับได้ (kg/m²) |
---|---|---|---|
Class 1 | ใช้เดินผ่านเท่านั้น | 0.75 | 75 |
Class 2 | งานเบา | 1.50 | 150 |
Class 3 | งานทั่วไป | 2.00 | 200 |
Class 4 | งานปานกลาง | 3.00 | 300 |
Class 5 | งานหนัก | 4.50 | 450 |
Class 6 | งานหนักพิเศษ | 6.00 | 600 |
หมายเหตุ: 1 kN/m² = ประมาณ 100 kg/m²
หลักการเลือก Scaffold Load Class ให้เหมาะกับลักษณะงาน
การเลือก Load Class ที่เหมาะสมจะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย อาทิ:
-
ลักษณะงานที่ต้องดำเนินการบนตัวนั่งร้าน
-
จำนวนคนที่ใช้งานพร้อมกัน
-
น้ำหนักเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้งาน
-
ความถี่ในการใช้งาน
-
ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในแต่ละงาน
ข้อควรระวัง
-
ห้ามใช้ Load Class ต่ำเกินไปจากความจำเป็นจริง
-
ต้องประเมินจากจำนวนคน อุปกรณ์ และความถี่ในการใช้งาน
-
ต้องติดตั้งและตรวจสอบนั่งร้านโดยผู้เชี่ยวชาญ
การวิเคราะห์ Scaffold Load Class ในงานเดินท่อ ปั๊ม และเครื่องจักร
1. งานเดินท่อ (Pipe Work)
ลักษณะของงานเดินท่อมักต้องใช้เครื่องมือช่าง เช่น เครื่องตัด เครื่องเชื่อม และอุปกรณ์ติดตั้งท่อ รวมถึงต้องมีการเคลื่อนย้ายท่อเหล็กที่มีน้ำหนักมาก Load Class ที่เหมาะสมคือ Class 3 ถึง Class 5
-
หากเป็นงานเดินท่อภายในอาคาร หรือพื้นที่แคบ: ใช้ Class 3 (200 kg/m²) ก็เพียงพอ
-
หากเป็นงานวางท่อขนาดใหญ่ภายนอกโรงงาน: ควรใช้ Class 4 หรือ 5 ขึ้นไป
2. งานติดตั้งปั๊ม (Pump Installation)
งานประเภทนี้มักใช้ช่างเทคนิคจำนวนหลายคน และมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักมาก เช่น มอเตอร์ ปั๊ม และฐานราก ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์ยก การขนย้าย และติดตั้งอย่างแม่นยำ จึงควรใช้ Scaffold ที่สามารถรับน้ำหนักได้สูงขึ้น เช่น:
-
Class 4 (300 kg/m²): สำหรับปั๊มทั่วไป
-
Class 5 (450 kg/m²): สำหรับปั๊มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
3. งานเครื่องจักร (Machinery Maintenance)
งานซ่อมเครื่องจักรมักมีทั้งงานถอดชิ้นส่วน เปลี่ยนอะไหล่ และบำรุงรักษา ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์หนัก เช่น ชุดเครื่องมือซ่อมบำรุง ชิ้นส่วนเหล็ก ตลับลูกปืน ฯลฯ
-
ควรเลือก Scaffold Load Class ตั้งแต่ Class 4 ถึง 6 ตามลักษณะงานและน้ำหนักอุปกรณ์
ข้อควรระวังในการเลือก Scaffold Load Class
-
ห้ามประเมินต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะอาจทำให้เกิดการพังถล่มหรือเสียหายต่อโครงสร้าง
-
ต้องตรวจสอบสเปคของนั่งร้านจากผู้ผลิต ว่าสามารถรับ Load Class ได้ตามต้องการหรือไม่
-
ต้องพิจารณาร่วมกับปัจจัยด้านความสูง ลม น้ำหนักเครื่องมือ และแรงกระแทก
ความเชื่อมโยงกับความปลอดภัยในการทำงาน
การเลือก Scaffold Load Class อย่างเหมาะสมมีผลต่อความปลอดภัยของพนักงานโดยตรง หากเลือกต่ำเกินไป อาจเสี่ยงต่อการพังถล่ม หากเลือกสูงเกินไปโดยไม่จำเป็น จะเพิ่มต้นทุนและใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น
การออกแบบนั่งร้านที่ดีควรมีการ:
-
วิเคราะห์ภาระโหลด (Load Analysis)
-
ประเมินแรงกระทำจากภายนอก (เช่น ลม (Wind Load) แรงสั่นสะเทือน)
-
ติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญ
-
ตรวจสอบและรับรองความแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ
เรียนรู้การอบรมและการใช้นั่งร้านอย่างมืออาชีพ
ถึงแม้จะมีการเลือก Scaffold Load Class ที่เหมาะสมแล้ว แต่การใช้งานจริงยังต้องอาศัย ความรู้และทักษะของผู้ใช้งาน เช่น การเดินบนโครงสร้าง การใช้อุปกรณ์ป้องกันการตก การตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้ ฯลฯ
การอบรมจึงเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับความปลอดภัย และช่วยให้บุคลากรสามารถวิเคราะห์ เลือกใช้ และติดตั้งนั่งร้านได้อย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรมและมาตรฐานความปลอดภัย
สรุป
Scaffold Load Class ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่มันคือหัวใจของความปลอดภัยในงานที่ต้องทำบนที่สูง โดยเฉพาะในงานอุตสาหกรรมอย่าง การเดินท่อ ติดตั้งปั๊ม และงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ซึ่งมีการใช้แรงงาน เครื่องมือ และวัสดุหนักจำนวนมาก การเลือกคลาสน้ำหนักของนั่งร้านให้ สอดคล้องกับการใช้งานจริง ตามมาตรฐาน EN 12811-1 จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม
การรู้จักความแตกต่างของแต่ละ Load Class ตั้งแต่ Class 1 ไปจนถึง Class 6 จะช่วยให้ผู้ควบคุมงาน วิศวกรความปลอดภัย และผู้ติดตั้งนั่งร้านสามารถวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการใช้นั่งร้านผิดประเภท และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างยั่งยืน
หากคุณหรือองค์กรของคุณต้องการอบรมเกี่ยวกับนั่งร้าน และการใช้งานอย่างปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ทีมวิทยากรมืออาชีพของเราพร้อมให้บริการอบรมนั่งร้านทั้งในรูปแบบ In-house Training (เดินทาง 77 จังหวัด) และ Public Training (ศูนย์ฝึกอบรมนั่งร้าน ปทุม)
ติดต่อเราเพื่อสอบถามคอร์สและตารางอบรมได้ที่
-
โทร: 064 958 7451 (คุณแนน)
-
อีเมล: [email protected]
-
รายละเอียดหลักสูตร : อบรมนั่งร้าน ปทุม
ทีมของเรามีประสบการณ์อบรมให้กับโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำทั่วประเทศ พร้อมใบรับรองและเนื้อหาตรงตามมาตรฐานความปลอดภัย
เอกสารอ้างอิง
-
European Committee for Standardization (CEN). EN 12811-1:2003 Temporary Works Equipment – Part 1: Scaffolds – Performance Requirements and General Design.
-
Health and Safety Executive (HSE). (2014). Scaffold Checklist and Good Practice Guidance.
-
International Labour Organization (ILO). (2019). Safety and health in construction: Code of practice.
-
American Society of Safety Professionals (ASSP). (2021). Scaffolding Safety Principles.
-
TUV Rheinland. (2022). Scaffolding Load Classification Guide.
บทความที่น่าสนใจ
- 10 จุดพลาดของ จป.เทคนิค มือใหม่ ที่อาจทำให้งานสะดุด
- ตรวจสอบพื้นที่ทำงาน อย่างมืออาชีพ เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน
- มาตรฐานนั่งร้าน : ความปลอดภัยและข้อกำหนดในการใช้งาน
- การใช้นั่งร้านเพื่อทำงานบนที่สูง และ ข้อควรระวัง