ข้อมูลและเคล็ดลับเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน ที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

ประเภทของรถโฟล์คลิฟท์ และการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงาน

by pam
8 views
ประเภทของรถโฟล์คลิฟท์

บทนำ

ในการจัดการคลังสินค้า โรงงาน หรือไซต์งานก่อสร้าง การเลือกใช้ รถโฟล์คลิฟท์ (forklift) ให้เหมาะสมกับลักษณะงานถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดความเสี่ยงในการใช้งานผิดประเภท หัวข้อในบทความนี้จะชี้ให้เห็นประเภทหลักของโฟล์คลิฟท์ จุดเด่น จุดด้อย รวมถึงหลักเกณฑ์ในการเลือกใช้งานให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจคุณได้อย่างคุ้มค่า


ประเภทหลักของรถโฟล์คลิฟท์

ตามมาตรฐาน OSHA และข้อมูลที่มาจากผู้ผลิตโฟล์คลิฟท์ มีการแบ่ง ประเภท (classes / types) ของโฟล์คลิฟท์หลายระดับ ทั้งนี้ขึ้นกับลักษณะการใช้งาน พื้นที่ และแหล่งพลังงานที่ใช้ เช่น ไฟฟ้า (electric), เครื่องยนต์ภายใน (internal combustion) หรือแก๊ส (LPG / CNG)

ตัวอย่างประเภทโฟล์คลิฟท์สำคัญ ได้แก่:

ประเภท ใช้พลังงาน / ความเหมาะสม จุดเด่น ข้อจำกัด / ข้อควรระวัง
Electric (ไฟฟ้า / battery) ใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน ไม่มีไอเสีย เหมาะกับงานภายในอาคาร, เสียงเงียบ, บำรุงรักษาน้อย เวลาใช้งานจำกัดตามแบตเตอรี่, ชาร์จไฟใช้เวลา, อาจมีปัญหาในงานกลางแจ้งหรือเปียก
Internal Combustion – Diesel / LPG / CNG ใช้น้ำมันดีเซล หรือแก๊ส พลังแรง เหมาะกับงานหนัก กลางแจ้ง มีไอเสีย เสียงดัง ต้องมีระบบระบายอากาศ เหมาะสำหรับภายนอกอาคารมากกว่า
Rough Terrain / Off-road Forklifts มักใช้ดีเซล ยางใหญ่วิ่งบนพื้นไม่เรียบ เหมาะไซต์งานกลางแจ้ง ขนาดใหญ่ ราคาแพง, ไม่เหมาะกับคลังในอาคาร
Reach Trucks / Narrow Aisle Trucks มักเป็นไฟฟ้า ทำงานในทางเดินแคบ ๆ สูง เหมาะกับคลังสินค้าที่มีชั้นสูง ความมั่นคงเมื่อยกสูง, พื้นที่ใช้งานต้องเรียบ
Pallet Jack / Walkie Stackers มักเป็นไฟฟ้าหรือใช้แรงคนช่วย เคลื่อนย้ายสินค้าระดับพื้นได้อย่างรวดเร็ว พิสัยน้อย ไม่สามารถยกสูงได้มาก

ข้อมูลจาก Toyota ถือเป็นแหล่งอ้างอิงที่ดีเกี่ยวกับ หลายคลาสของโฟล์คลิฟท์ และการใช้งานในแต่ละคลาส เช่น Class I ถึง Class VI


จุดเด่นและข้อจำกัดของรถโฟล์คลิฟท์

จุดเด่นและข้อจำกัดของโฟล์คลิฟท์แต่ละประเภท

โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า

จุดเด่นสำคัญ

  1. ไม่มีไอเสีย – เหมาะกับการใช้งานภายในอาคาร

  2. เสียงเงียบ – ลดมลพิษทางเสียง

  3. บำรุงรักษาน้อย – ไม่มีระบบเผาไหม้ซับซ้อน

  4. ประหยัดพลังงานในระยะยาว

ข้อจำกัด / สิ่งต้องพิจารณา

  • เวลาใช้งานขึ้นอยู่กับความจุแบตเตอรี่

  • ต้องใช้เวลาชาร์จไฟ

  • ความท้าทายในงานกลางแจ้งหรือพื้นที่เปียก

  • ค่าเริ่มต้นในการลงทุนเครื่องและแบตเตอรี่สูง

ข้อมูลจาก CertifyMe ระบุว่าโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าเหมาะสำหรับงานภายในอาคาร เพราะ “ไม่มีการปล่อยไอเสีย” และ “เสียงเงียบ” ซึ่งช่วยให้สภาพแวดล้อมปลอดภัยขึ้น

โฟล์คลิฟท์ดีเซล / แก๊ส / CNG

จุดเด่นสำคัญ

  • เหมาะกับงานหนัก งานกลางแจ้ง

  • เติมเชื้อเพลิงเร็ว ไม่ต้องรอชาร์จไฟ

  • พลังแรง เหมาะกับการเคลื่อนที่บนพื้นไม่เรียบ

ข้อจำกัด / สิ่งต้องระวัง

  • ปล่อยไอเสีย – ไม่เหมาะในอาคารปิด

  • เสียงดังและสั่นสะเทือนสูง

  • ต้องดูแลรักษาระบบเชื้อเพลิงและเครื่องยนต์

  • ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและอุปกรณ์เสริมอาจสูง

Meenyon แสดงว่าโฟล์คลิฟท์ดีเซลให้พลังสูง เหมาะกับงานหนัก แต่มีต้นทุนใช้งานที่สูงกว่า
Conger ก็ให้ข้อมูลจุดเปรียบเทียบของแต่ละประเภท เช่น โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายระยะยาวต่ำกว่า แต่โฟล์คลิฟท์ดีเซลให้แรงบิดสูงกว่า
Clark MHC ยังให้การเปรียบเทียบถึงการใช้งานในอาคารและกลางแจ้งได้ชัดเจน


เกณฑ์ในการเลือกโฟล์คลิฟท์ให้เหมาะกับงาน

เพื่อให้โฟล์คลิฟท์ที่เลือกมาทำงานได้คุ้มค่าที่สุด ควรคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้:

  1. ลักษณะงาน / สภาพแวดล้อม

    • ถ้างานอยู่ภายในอาคาร / คลังสินค้า ควรเลือกโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า

    • ถ้างานกลางแจ้ง / พื้นไม่เรียบ เลือกดีเซลหรือรุ่น Off-road

  2. น้ำหนักบรรทุก / ความสูงในการยก

    • พิจารณาความจุสูงสุดที่ต้องใช้งาน

    • ถ้าต้องยกสูง เลือกรุ่นที่มีแมสต์ยาวและความมั่นคง

  3. ระยะเวลาการใช้งาน / กะงาน

    • ถ้ามีหลายกะงาน โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าอาจติดปัญหาชาร์จไฟ

    • โฟล์คลิฟท์ดีเซลเติมน้ำมันได้เร็วกว่า

  4. ต้นทุนรวมตลอดอายุการใช้งาน (TCO – Total Cost of Ownership)

    • คำนวณค่าใช้จ่ายพลังงาน บำรุงรักษา และค่าเสื่อม

    • โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าอาจมีต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำกว่าในระยะยาว

  5. ความปลอดภัยและมาตรฐาน

    • ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย เช่น ความเสถียรของเครื่อง

    • พิจารณาการใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ระบบเบรกฉุกเฉิน

  6. การบริการและอะไหล่สำรอง

    • เลือกแบรนด์ที่มีศูนย์บริการและอะไหล่พร้อม

    • ลดเวลาหยุดงานหากเกิดปัญหา

Black Equipment ชี้ให้เห็นว่าเวลาที่เลือกโฟล์คลิฟท์ ควรดู dealer support และ availability ของอะไหล่ด้วย Black Equipment


ตัวอย่างการเลือกที่เหมาะสม (Case Study สั้น ๆ)

สมมุติในคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่มีรางชั้นสูงและพื้นที่ใช้งานภายในอาคาร สถานการณ์ดังนี้:

  • น้ำหนักสินค้าสูงสุดเฉลี่ย 1,500 กิโลกรัม

  • มีหลายรอบการหยิบในวัน

  • พื้นที่มีข้อจำกัดทางเดินแคบ

  • ต้องการลดมลพิษในอาคาร

โฟล์คลิฟท์ที่แนะนำ:

  • เป็นโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าแบบ Reach Truck / Narrow Aisle

  • ความสูงแมสต์พอที่จะเข้าถึงชั้นสูง

  • แบตเตอรี่ที่รองรับการใช้งานเต็มวันหรือมีระบบชาร์จเร็ว

  • ระบบเบรกอัตโนมัติ และระบบ safety sensor

ในทางกลับกัน ถ้าเป็นไซต์งานก่อสร้างกลางแจ้งที่พื้นไม่เรียบและมีฝุ่น โฟล์คลิฟท์ดีเซลหรือรุ่น Off-Road จะเหมาะกว่า


สรุป

การเลือกโฟล์คลิฟท์ที่เหมาะสมกับลักษณะงาน คือการประเมินปัจจัยหลายด้าน เช่น ประเภทพลังงาน, น้ำหนักบรรทุก, ความสูง, สภาพแวดล้อม, ต้นทุนแฝง และการบริการหลังการขาย รวมถึงการพิจารณาเรื่องการอบรมรถโฟล์คลิฟท์ให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรู้และทักษะที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ข้อมูลและตัวเปรียบเทียบที่ยกมาในบทความนี้มีพื้นฐานจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น Toyota, OSHA, Meenyon, Clark MHC, และ Conger Industries

หากท่านนำแนวทางเหล่านี้ไปใช้ในการเลือกโฟล์คลิฟท์ให้ตรงกับงานจริง พร้อมจัดการอบรมรถโฟล์คลิฟท์ให้พนักงาน จะช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการเสียทรัพย์สินหรืออุบัติเหตุ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง